เนื้อหาของวิชาวิทยาศาสตร์ในชั้นม.ต้น ส่วนใหญ่จะถูกนำไปต่อยอดในวิชาฟิสิกส์ เคมีและชีววิทยาที่น้องๆจะได้เรียนกันตอนม.ปลายด้วย เพราะฉะนั้นถ้าน้องๆเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ การเรียนตอนม.ปลายก็จะไม่ยากจนเกินไปนัก เรามาดูกันว่าแนวข้อสอบวิชาวิทยาศาตร์ ม.1 ทั้งเทอม 1 และเทอม จะเป็นยังไง
แนวข้อสอบวิทยาศาตร์ ม.1 เทอม 1
วิชาวิทยาศาสตร์ม.1 เทอม 1 เราจะได้เริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่กระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว แม้ว่าข้อสอบไม่ได้เน้นบทนี้มากนัก แต่ก็ทำให้เราได้เห็นถึงทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ว่ามีมีการสร้างองค์ความรู้ต่างๆขึ้นมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังได้มาทำความรู้จักกับสารบริสุทธิ์ ซึ่งในบทนี้เริ่มมีการคำนวณเข้ามาแล้ว อาศับความเข้าใจแต่ยังไม่ซับซ้อน และเรายังได้เรียนเรื่องหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงการดำรงชีวิตของพืชอีกด้วย
ตัวอย่างแนวข้อสอบ “เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร”พร้อมเฉลย
- วิทยาศาสตร์มีความหมายว่าอย่างไร
ตอบ วิทยาศาสตร์ คือ ความรู้ที่ได้จากการสังเกต ค้นคว้า ศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าถูกต้องเป็นความจริง จนได้เป็นหลักฐานและเหตุผล และนำข้อมูลต่างๆเหล่านั้น มาจัดอย่างเป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่
- การสังเกตของนักวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดสิ่งใดเป็นอันดับแรก
ตอบ ปัญหา
- กระบวนการวิทยาศาตร์มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ตอบ 1. การสังเกตและระบุปัญหา
2. การตั้งสมมติฐาน
3. วางแผนและการสำรวจหรือการทดลองและการเก็บข้อมูล
4. การวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างคำอธิบาย
5. การสรุปผลและสื่อสาร
- ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีอะไรบ้าง
ตอบ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย
- สมมติฐานทางวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนเป็นทฤษฎีเมื่อใด
ตอบ เมื่อสมมติฐานนั้นมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงทุกครั้ง
ตัวอย่างแนวข้อสอบ “สารบริสุทธิ์”พร้อมเฉลย
- นำของเหลว 3 ชนิดไปให้ความร้อนและบันทึกผลอุณหภูมิทุกๆ หนึ่งนาที จากนั้นนำข้อมูลมาเขียนกราฟความสัมพันธ์ ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสารกับเวลา ได้ดังนี้
( ใส่รูป 1 )
ข้อใดสรุปถูกต้อง
ก. สาร A เป็นสารผสม ส่วนสาร B และ C เป็นสารบริสุทธิ์
ข. สาร C เป็นสารบริสุทธิ์ ส่วนสาร A และ B เป็นสารผสม
ค. สารทั้งสามชนิดเป็นสารบริสุทธิ์
ง. สารทั้งสามชนิดเป็นสารผสม
ตอบ ตอบ ข. สาร C เป็นสารบริสุทธิ์ ส่วนสาร A และ B เป็นสารผสม
เพราะการทดลองนี้นำสารทั้งสามชนิดไปให้ความร้อน เพื่อสังเกตอุณหภูมิและจุดเดือด จากบทเรียน เรารู้แล้วว่าสารบริสุทธิ์นั้น เมื่อถึงจุดเดือดอุณหภูมิจะคงที่ ซึ่งแตกต่างจากสารผสม ถึงแม้ว่าจะถึงจุดเดือดแล้วก็ตาม อุณหภูมิก็จะยังไม่คงที่ จากกราฟจะเห็นว่า
สาร A อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นสารผสม
สาร B อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่คงที่ จึงจัดเป็นสารผสมเช่นกัน
สาร C อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวินาทีที่ 14 เป็นต้นไปอุณหภูมิหยุดและคงที่ที่ 60 องศาเซลเซียส
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า สาร C เป็นสารบริสุทธิ์ ส่วนสาร A และ B เป็นสารผสม
- พิจารณาข้อมูลจากกราฟแล้วตอบคำถาม
( ใส่รูป 2 )
ถ้านำวัตถุทั้งสามชนิดหย่อนลงในน้ำมันพืชที่มีความหนาแน่น 0.90 g/cm3 วัตถุชนิดใดลอยในน้ำมันพืชได้
ก. A และ B
ข. A และ C
ค. B และ C
ง. A B และ C
ตอบ ข้อ B และ C
จากข้อมูลที่โจทย์ให้ ความหนาแน่นของน้ำมันพืช คือ 0.90 g/cm3 ถ้าความหนาแน่นของวัตถุมีมากกว่าน้ำมันพืชจะจมน้ำมัน แต่ถ้าความหนาแน่นของวัตถุน้อยกว่าจะลอยน้ำมัน จากกราฟเราสามารถคำนวณความหนาแน่นของวัตถุได้โดยใช้สูตร D=MV ซึ่งความหมายของตัวย่อแต่ละตัว คือ
D หมายถึง ความหนาแน่น
M หมายถึง มวล (กรัม)
V หมายถึง ปริมาตร (ลูกบาศก์เซนติเมตร)
( ใส่รูป 3 )
ความหนาแน่นของสาร A = 1g.0.8 cm3= 1.25 g/cm3
ดังนั้น ความหนาแน่นของสาร A มากกว่าน้ำมัน จึงจมน้ำมัน
ความหนาแน่นของสาร B = 2g.2.8 cm3= 0.71 g/cm3
ดังนั้น ความหนาแน่นของสาร B น้อยกว่าน้ำมัน จึงลอยในน้ำมัน
ความหนาแน่นของสาร C = 3g.3.8 cm3=0.79 g/cm3
ดังนั้น ความหนาแน่นของสาร C น้อยกว่าน้ำมัน จึงลอยในน้ำมัน
สรุปจากกราฟจึงได้ว่า สาร B และ C ลอยในน้ำมันได้
- จากตารางต่อไปนี้ สารตัวใดเป็นสารประกอบและสารตัวใดเป็นธาตุ
( ใส่รูป 4 )
ตอบ ธาตุ คือ สารบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยธาตุหรือสารชนิดเดียว ส่วนสารประกอบ คือ สารที่เกิดจากธาตุตั้งแต่ ๒ ธาตุขึ้นไปมารวมตัวกันโดยอาศัยปฏิกิริยาเคมี และมีอัตราส่วนผสมคงที่เสมอ
จากตารางจึงสรุปได้ว่า
สารประกอบ ได้แก่ กรดน้ำส้ม, แมกนีเซียมคลอไรด์, ปูนขาวหรือแคลเซียมออกไซด์
ธาตุ ได้แก่ โอโซน, แก๊สคลอรีน, แก๊สฮีเลียม, เงิน
- ธาตุในแต่ละกลุ่มมีสมบัติทางกายภาพเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร จงเขียนอธิบายโดยใช้แผนภาพเวนน์
ตอบ สมบัติของโลหะ อโลหะและกึ่งโลหะเป็นดังแผนภาพ
( ใส่รูป 5 )
- การผลิตกระป๋องน้ำอัดลมโดยการรีไซเคิลอลูมิเนียม ใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตกระป๋องจากแร่ที่สกัดใหม่ถึง 20 เท่า แนวทางการนำธาตุอลูมิเนียมโดยการใช้วัสดุรีไซเคิล เป็นผลดีต่อมนุษยชาติอย่างไร
ตอบ เป็นผลดี เพราะใช้พลังงานน้อยกว่า จึงเป็นการประหยัดพลังงาน ต้นทุนและทรัพยากรธรรมชาติ และยังลดการเกิดขยะจากการผลิตกระป๋องอลูมิเนียมสกัดใหม่
ตัวอย่างแนวข้อสอบ “หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต” และ “การดำรงชีวิตของพืช”พร้อมเฉลย
( ใส่รูป 6 )
- ส่วนประกอบใดของเซลล์ที่พบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ก. นิวเคลียส
ข. ผนังเซลล์
ค. คลอโรฟิลล์
ง. คลอโรพลาสต์
ตอบ ข้อ ก. นิวเคลียส เพราะพบได้ทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ ส่วนผนังเซลล์, คลอโรฟิลล์และคลอโรพลาสต์พบได้เฉพาะในเซลล์พืชเท่านั้น
- การลำเลียงน้ำของพืช เรียงลำดับขั้นตอนอย่างไร
ตอบ น้ำ —> ขนราก —> ไซเล็ม(ท่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ) —> เส้นใบ —> ปากใบ (คายน้ำ)
- พิจารณาสมการการสังเคราะห์ด้วยแสง
( ใส่รูป 7 )
ข้อใดกล่าวถึงแก๊ส A และ B ได้ถูกต้อง
ก. แก๊ส A ทำให้ติดไฟ, แก๊ส B ทำให้น้ำปูนใสขุ่น
ข. แก๊ส A ทำให้น้ำปูนใสขุ่น, แก๊ส B ได้จากการหายใจของสัตว์
ค. แก๊ส A ทำให้น้ำปูนใสขุ่น, แก๊ส B ใช้การหายใจของพืช
ง. แก๊ส A ทำให้ติดไฟ, แก๊ส B ใช้การหายใจของสัตว์
ตอบ ข้อ 3 แก๊ส A ทำให้น้ำปูนใสขุ่น, แก๊ส B ใช้การหายใจของพืช
เพราะในกระบวนการสังเคราะห์แสง แก๊สที่เกี่ยวข้องคือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (แก๊ส A) และแก๊สออกซิเจน (แก๊ส B) ซึ่งคุณสมบัติของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คือ ทำให้น้ำปูนใสขุ่น, ได้จากการหายใจของสัตว์ ส่วนคุณสมบัติของออกซิเจน คือ ทำให้ติดไฟ, ใช้ในกระบวนการหายใจของพืชและสัตว์
- ออร์แกเนลล์ในข้อใดทำหน้าที่ควบคุมปริมาณและชนิดของสารที่ผ่านเข้าออกจากเซลล์
ก. ผนังเซลล์
ข. นิวเคลียส
ค. เยื่อหุ้มเซลล์
ง. เยื่อหุ้มนิวเคลียส
ตอบ ค. เยื่อหุ้มเซลล์
- ผนังเซลล์มีประโยชน์ คือ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์
- นิวเคลียสเป็นส่วนเก็บสารพันธุกรรม ได้แก่ DNA และ RNA
- เยื่อหุ้มนิวเคลียส ใช้สำหรับส่งออกสารจำพวก DNA และ RNA ออกนอกเซล์
- ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
ก. การตอบสนองจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เสมอ
ข. การบานของดอกยังไม่เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ค.การตอบสนองของพืชบางครั้งอาจไม่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต
ง. กลไกการตอบสนองจะต้องเกิดการเพิ่มจำนวนของเซลล์เสมอ
ตอบ ข้อ ค. การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตและการคงอยู่ ไม่เสมอไปที่การตอบสนองจะเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต
ข้ออื่นผิดเนื่องจาก
ก. การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช เช่น ทันทีที่เราสัมผัสต้นไมยราบ มันจะรีบหุบใบทันที เป็นการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข. ดอกบัวมีการบานตอนกลางวันและหุบตอนกลางคืน ถือเป็นการตอบสนองต่อแสงที่ได้รับ
ง. ถึงแม้ว่าในบางครั้งเซลล์ไม่มีการเพิ่มจำนวนก็ตาม แต่เมื่อได้รับสิ่งเร้าก็จะทำให้พืชนั้นมีกลไกการตอบสนองเกิดขึ้น
- พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ ข้อใดเป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ก. ดำ นำหน่อกล้วยมาปลูก
ข. แดง นำไหลบัวมาปลูก
ค. โด่ง นำต้นมะม่วงที่ไม่มีรากแก้วมาปลูก
ง. ดี นำเม็ดพริกขี้หนูที่เหลือจากการรับประทานมาปลูก
ตอบ ข้อ ง. การนำเม็ดพริกมาปลูก เป็นการเพาะเมล็ด ซึ่งถือเป็นการขยายพันธ์ุแบบอาศัยเพศนั่นเอง
- การนำหน่อกล้วยมาปลูก เป็นการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
- การนำไหลบัวมาปลูก คือ การนำหน่อหรือต้นอ่อนจากต้นเดิมมาปลูก จึงเป็นการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
- การนำต้นมะม่วงที่ไม่มีรากแก้วมาปลูก เป็นการตอนกิ่ง ซึ่งเป็นการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเช่นกัน
- ข้อใดต่อไปนี้เป็นผลจากกระบวนการออสโมซิส
ก. การเติมน้ำตาลลงไปในนม ทำให้นมมีรสหวาน
ข. การแช่ถุงชาในน้ำร้อน ทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ค. การแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนระหว่างหลอดเลือดฝอยและอวัยวะ
ง. การแช่เนื้อเยื่อของเซลล์ผักกาดในสารละลายกลูโคส ทำให้เซลล์เหี่ยว
ตอบ ข้อ ง. การแช่เนื้อเยื่อของเซลล์ผักกาดในสารละลายกลูโคส ทำให้เซลล์เหี่ยว
ออสโมซิส (osmosis) คือ การแพร่ของน้ำผ่านเยื่อเลือกผ่าน จากบริเวณที่มีปริมาณอนุภาคน้ำมาก ไปสู่บริเวณที่มีปริมาณอนุภาคน้ำน้อยกว่า หรือการแพร่ของน้ำผ่านเยื่อเลือกผ่าน จากสารละลายที่มีความเข้มข้นน้อย ไปสู่สารละลายที่มีความเข้มข้นมากกว่า ดังนั้นการแช่เนื้อเยื่อของเซลล์ผักกาดในสารละลายกลูโคส ทำให้เซลล์เหี่ยว จึงถือเป็นกระบวนการออสโมซิส เพราะมีการแพร่กระจายของน้ำจากภายในสู่ภายนอกเซลล์
- เมื่อนำชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตหนึ่งมาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ พบว่าเซลล์มีส่วนประกอบดังนี้ ผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม คลอโรพลาสต์และนิวเคลียส เพราะฉะนั้นชิ้นส่วนที่นำมาศึกษานี้ควรเป็นเซลล์ใด
ก. เซลล์ของไฮดรา
ข. เซลล์ของอะมีบา
ค. เซลล์ของเยื่อบุข้างแก้ม
ง. เซลล์ของสาหร่ายหางกระรอก
ตอบ ข้อ ง.เซลล์ของสาหร่ายหางกระรอก เพราะเป็นเซลล์ของพืช
เพราะส่วนประกอบที่พบ มีผนังเซลล์อยู่ด้วย ซึ่งผนังเซลล์จะพบเฉพาะในเซลล์พืชเท่านั้น ดังนั้น เซลล์ของไฮดรา อะมีบาและเยื่อบุข้างแก้มของมนุษย์ ถือเป็นเซลล์สัตว์ จึงไม่มีผนังเซลล์อยู่ด้วย
แนวข้อสอบวิทยาศาสตร์ ม.1 เทอม 2
วิทยาศาสตร์ ม.1 เทอม 2 ก็จะเข้าสู่เรื่องพลังงานความร้อน ซึ่งในบทนี้ น้องๆจะได้ใช้ทักษะการคำนวณค่อนข้างเยอะเลยนะ ต้องพยายามทำความเข้าใจไปทีละสเต็ป และยังมีเรื่องกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ เนื้อหาบทนี้ค่อนข้างเยอะ และอาศัยความเข้าใจพอสมควร แต่รับรองว่าถ้าทุกคนตั้งใจ ไม่เกินความสามารถแน่นอน
ตัวอย่างแนวข้อสอบ “พลังงานความร้อน”พร้อมเฉลย
- ต้องให้ปริมาณความร้อนแก่น้ำกี่แคลอรี เพื่อทำให้น้ำที่มีมวล 100 กรัม มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 20 องศาเซลเซียสเป็น 60 องศาเซลเซียส
วิธีทำ จากโจทย์ทำให้เรารู้ว่า น้ำ 100 กรัม อุณหภูมิ 20℃ จะเปลี่ยนไปเป็นน้ำ 100 กรัม อุณหภูมิ 60℃
( ใส่รูป 8 )
- จงหาปริมาณความร้อนที่น้ำมวล 100 กรัม สูญเสียไป เมื่ออุณหภูมิลดลงจาก 60℃ เป็น 20℃
วิธีทำ จากโจทย์ทำให้เรารู้ว่า น้ำ 100 กรัม อุณหภูมิ 60℃ เปลี่ยนเป็น น้ำ 100 กรัม อุณหภูมิ 20℃
( ใส่รูป 9 )
- เครื่องทำนำ้อุ่นให้ความร้อนวินาทีละ 1,000 แคลอรี เมื่อส่งน้ำมวล 2,000 กรัม อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เข้าไปในเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นเวลา 20 วินาที น้ำที่ออกจากเครื่องทำน้ำอุ่นจะมีอุณหภูมิกี่องศาเซลเซียส
วิธีทำ ( ใส่รูป 10 )
จากโจทย์ทำให้เรารู้ว่า
- สารชนิดหนึ่งมีมวล 2 กิโลกรัม มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานความร้อนทั้งหมด 14,000 กิโลแคลอรี โดยที่ค่าความจุความร้อนจำเพาะของสารเท่ากับ 280 กิโลแคลอรีต่อกรัม อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนี้มีค่าเท่าไหร่
วิธีทำ
( ใส่รูป 11 )
- ถ้าต้องการผสมน้ำเพื่ออาบน้ำเด็กทารก โดยผสมน้ำเย็น มวล 3,500 กรัมที่ 30 องศาเซลเซียส เข้ากับน้ำร้อนมวล 1,000 กรัมที่ 70 องศาเซลเซียส จงหาอุณหภูมิผสมของน้ำอุ่น
วิธีทำ จากโจทย์เรารู้ว่า
( ใส่รูป 12 )
ตัวอย่างแนวข้อสอบ “กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ”พร้อมเฉลย
- ความกดอากาศมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิอย่างไร
ก. บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง จะมีความกดอากาศสูง
ข. บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง จะมีความกดอากาศต่ำ
ค. บริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ จะมีความกดอากาศต่ำ
ง. บริเวณที่มีอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง จะมีความกดอากาศสูง
ตอบ ข้อ ข บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง จะมีความกดอากาศต่ำ
เนื่องจาก หย่อมความกดอากาศสูง อุณหภูมิจะต่ำ
หย่อมความกดอากาศต่ำ อุณหภูมิจะสูง
- กีฬาประเภทใดใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนที่ของอากาศ
ก. ยิงธนู
ข. วิ่งผลัด
ค. แบดมินตัน
ง. แข่งเรือใบ
ตอบ ง. แข่งเรือใบ
- วิ่งผลัด ลมไม่มีผลกับการวิ่ง
- ยิ่งธนูและแบดมินตัน ลมเป็นอุปสรรคในการเล่น ไม่ใช่ประโยชน์
- ถ้าต้องการทดสอบสมมติฐานว่า “อากาศในช่วงเวลา 12.00 – 13.00 น.ของแต่ละวันมอุณหภูมิสูงที่สุด” ข้อมูลในข้อใดสามารถใช้ทดสอบสมมติฐานได้ดีที่สุด
ก. ช่วงเวลาในแต่ละวัน
ข. บริเวณต่างๆที่ใช้วัดอุณหภูมิ
ค. อุณหภูมิในแต่ละช่วงเวลาของวัน
ง. อุณหภูมิที่ระดับความสูงต่างๆจากผิวดิน
ตอบ ค. อุณหภูมิในแต่ละช่วงเวลาของวัน
เพราะโจทย์กล่าวถึงทั้งอุณหภูมิและช่วงเวลาของวัน เหมือนข้อ ค.
- ชาวประมงออกเรือหาปลาในเวลากลางคืนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างไร
ก. ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าเหนือพื้นน้ำ
ข. ความกดอากาศเหนือพื้นดินต่ำกว่าเหนือพื้นน้ำ
ค. อุณหภูมิอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าเหนือพื้นน้ำ
ง. อุณหภูมิและความกดอากาศเหนือพื้นดินต่ำกว่าเหนือพื้นน้ำ
ตอบ ก.ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าพื้นน้ำ
ในตอนกลางคืนบริเวณพื้นดินจะคายความร้อนได้ดีกว่าพื้นน้ำ ลมจึงพัดจากฝั่งบกเข้าหาทะเลจึงเรียกว่า “ลมบก”
(พัดจากไหน ตั้งชื่อตามนั้น) แสดงว่าบนบกมีอุณหภูมิต่ำกว่า ดังนั้นกความกดอากาศเหนือพื้นดินจึงสูงกว่าพื้นน้ำ
- อาชีพใดที่ต้องอาศัยพลังงานลมมากที่สุด
ก. การเลี้ยงปลา
ข. การทำนากุ้ง
ค. การประมงนำ้จืด
ง. การทำสวนยางพารา
ตอบ ค. การประมงน้ำจืด
เนื่องจาก ในตอนกลางวัน พื้นดินดูดซับความร้อนได้มากกว่าพื้นน้ำ ดังนั้นอุณหภูมิพื้นดินจะสูงกว่าพื้นน้ำ และลมจะพัดจากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ามายังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่า เรียกว่า “ลมทะเล”
ในตอนกลางคืนบริเวณพื้นดินจะคายความร้อนได้ดีกว่าพื้นน้ำ ลมจึงพัดจากฝั่งบกเข้าหาทะเลจึงเรียกว่า “ลมบก” แสดงว่าบนบกมีอุณหภูมิต่ำกว่า ดังนั้นกความกดอากาศเหนือพื้นดินจึงสูงกว่าพื้นน้ำ
ชาวประมง ใช้ลมดังกล่าวในการออกเรือ เพื่อประหยัดพลังงาน
การเลี้ยงปลาในกระชัง ต้องอาศัยน้ำที่มาจากแม่น้ำ
การทำนากุ้ง หากเจอพายุก็จะเสียหาย
การทำสวนยางพารา จะเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิ
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับแนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ม.1 เทอม 1 และเทอม 2 ที่พี่เก็งมาแล้วว่าออกบ่อยแน่นอน ตอบถูกกันบ้างมั้ยคะ ใครทำไม่ได้อย่าเพิ่งท้อนะ อยากเรียนวิทยาศาสตร์ให้เก่ง ต้องทำความรู้จักรากศัพท์ หมั่นตั้งข้อสงสัย พยายามทำตามลำดับขั้นตอน ใช้จินตนาการและเวลาสรุปเนื้อหา ใช้ mind map ดูจะเข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลย หรือถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจอีก ลองหาคอร์สเรียนวิทยาศาสตร์ ที่มีครูอธิบายเรื่องยากๆให้เราเข้าใจง่ายๆ ซึ่งมีเยอะแยะมากมาย รับรองว่าน้องๆจะเรียนวิทยาศาสตร์อย่างมีความสุขแน่นอน