อยากเข้านิติห้ามพลาด! บทความนี้เรามาล้วงเคล็ดลับการเรียน การเตรียมตัวสอบ พร้อมวิเคราะห์ข้อสอบปี 64 ไปพร้อม ๆ กับพี่พริม – พริมา รัตธนภาส เด็กกิจกรรม เรียนชิล ๆ แต่อะไรกันที่ทำให้น้องพริมเปลี่ยนมาจริงจังกับการเตรียมตัวสอบ จนได้ O-Net เลข 100 คะแนนเต็ม! GAT 270/300 และ 9 วิชาสามัญ สังคม 70/100 ตามไปหาคำตอบได้ในบทความนี้กันเลย!
ชีวิตมัธยมเป็นยังไงบ้าง?
พริมเรียนสาธิตเกษตรตั้งแต่ป.1 จนถึง ม.6 เรียน 12 ปีเลยค่ะไม่ได้ย้าย เราชอบสังคมที่นี่ อยู่ที่นี่แล้วมีความสุข โรงเรียนเค้าเน้นให้ทำกิจกรรม กิจกรรมก็เยอะมาก มันทำให้หนูกล้าแสดงออกมากขึ้น ได้ทำกิจกรรมตลอดเลย
เคยทำกิจกรรมอะไร?
เป็นนักดนตรีค่ะ ก็เล่นไวโอลิน ได้เป็นหลีดโรงเรียน หลีดสาธิตสามัคคี นักกีฬาโรงเรียนเล่นฮอกกี้ พิธีกรโรงเรียนงานประจำปีประมาณนี้ค่ะ
ทำกิจกรรมเยอะแบบนี้ เราจัดการเวลายังไง?
ตอนแรก ๆ หนูแบ่งเวลาไม่ค่อยได้เลย ตอนนั้นทำแต่กิจกรรมแล้วก็ทิ้งการเรียนในห้อง แล้วเกรดก็ไม่ค่อยดี คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงตอนนั้น แต่เราขึ้น ม.6 เรารู้สึกจริงจังกับชีวิตมากขึ้น ต้องติดมหาลัยดี ๆ อยากได้คณะนี้อะไรอย่างนี้ ก็เลยตั้งใจมาก ตอนนี้นคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็เหมือน เออ เห็นว่าทำอย่างนี้ก็โอเคแล้ว
คิดว่าควรทำกิจกรรมควบคู่ไปกับการเรียนไหม?
คิดว่าควรทำนะคะ คือถ้ามีโอกาสก็ทำไปเถอะ มันไม่ได้มีอะไรเสียเลย แล้วมันเป็นการพัฒนาตัวเองหลาย ๆ เรื่องด้วย เมื่อก่อนหนูเป็นเด็กขี้อายมาก แค่ไปพูดหน้าชั้นเรียนกรู้สึกไม่ชอบ ไม่อยากไปพูด ไม่กล้าพูด แต่พอเราได้ทำกิจกรรมเยอะขึ้น มันทำให้เรากล้าพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ อย่างหนูเป็นพิธีกรโรงเรียนเรายังไม่เชื่อตัวเองเลย ว่าเด็กที่เคยแม้แต่หน้าห้องก็ไม่กล้า แต่กล้าพูดกับคนทั้งโรงเรียน หนูก็รู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกันนะ พอเราได้ทำกิจกรรมน่ะค่ะ
ตอน ม.ปลาย เรียนสายอะไร?
ตอนแรกเรียนวิทย์ – คณิตมาก่อนค่ะ แล้วพอเรียนไป 1 ปีก็รู้สึกว่า เราไม่ได้มีความสุขกับตรงนี้ ไม่ชอบบางวิชาเลยกลับมาทางสายศิลป์ – คำนวณ อยากเข้านิติฯ ก็เลยย้ายมาค่ะ
ไม่ชอบวิทย์ หรือไม่ชอบเลข?
ชอบเลข แต่ว่าวิทย์ชอบเป็นบางวิชาค่ะ จะชอบฟิสิกส์แต่ว่าไม่ค่อยชอบเคมี ส่วนชีวะเฉย ๆ ค่ะ คือพริมเลือกอย่างนี้เพราะดูคณะก่อน คณะหลัก ๆ ที่สายวิทย์เป็นได้แต่สายศิลป์เป็นไม่ได้ ก็อาจจะเป็นพวกหมอ วิศวะ อะไรประมาณนี้ ซึ่งพริมรู้สึกว่าพอเราไม่ได้อยากเข้าคณะตรงนั้นแน่ ๆ ก็เลยย้ายดีกว่าเพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้อยู่แล้วค่ะ
เริ่มตั้งเป้าหมายอยากเข้านิติฯ ตั้งแต่ตอนไหน?
ตั้งเป้าตั้งแต่ประมาณช่วง ม.5 ว่าอยากเข้าคณะนี้แต่ก็ยังไม่ได้ดูมหาลัยว่าจะเข้าที่ไหนดี แต่ว่าที่แบบมุ่งมั่นสุด ๆ ว่าจะเอาที่นี่ที่จุฬาฯ ก็ตอน ม.6 ค่ะ
มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเข้านิติฯ?
คุณพ่อเป็นผู้พิพากษาค่ะ หนูก็เลยเห็นอาชีพนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้จัก คุ้นเคย แล้วตอนเด็ก ๆ เคยไปที่ทำงานคุณพ่อด้วย คุณพ่อพาไปดูแต่ละที่ในนั้น หนูเคยเข้าไปฟังคุณพ่อตัดสินคดีด้วยค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูอยากไปอยู่ตรงนั้น หนูอยากทำอาชีพนี้ ถ้าหนูได้เรียนกฎหมายแล้วเอากฎหมายมาใช้ตัดสินอย่างยุติธรรม มันก็น่าจะช่วยคนอื่นได้ค่ะ
เรียนนิติฯ ต้องท่องจำเยอะรู้สึกกลัวบ้างไหม?
ตอนแรกก็มีกลัวนะคะว่าจะต้องท่องจำ ต้องอ่านหนังสือเยอะ เพราะจริง ๆ ก็ไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือมาก ๆ ขนาดนั้น แต่คุณพ่อก็บอกว่ามันไม่ใช่วิชาที่ต้องท่องจำอย่างเดียว ต้องเข้าใจเป็นหลักค่ะ
เตรียมตัวก่อนเข้านิติฯ ยังไง?
หนูว่าเราต้องดูก่อนว่ามันต้องสอบอะไรบ้าง อ่านที่มันตรงกับที่สอบ ซึ่งนิติจุฬาฯใช้ค่อนข้างเยอะเลยก็คือ GAT PAT แล้วก็ 9 วิชาสามัญ ไทย สังคม อังกฤษ แล้วก็มี O-NET ด้วยค่ะ ก็อ่านเฉพาะเท่าที่สอบค่ะ ทุ่มกับตรงนี้มาก ๆ ค่ะ
มีเคล็ดลับเตรียมตัวสอบยังไงบ้าง?
เราเป็นคนที่ชอบไปเรียนพิเศษมาก่อน พอในห้องก็หลับบ้าง (หัวเราะ) แต่ตามทันนะ เพราะไปเรียนมาก่อนแล้วค่ะ
มีเน้นวิชาอะไรเป็นหลักไหม?
เน้นวิชาอะไรเป็นหลัก?
เน้นเลขกับภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ เพราะรู้สึกว่า 2 วิชานี้ใช้เวลาเตรียมตัวนาน ข้อสอบต้องทำเยอะ เตรียมเร็วมากค่ะ เตรียมตั้งแต่ปิดเทอม ม.5 ขึ้น ม.6 ไปจนถึงสอบเลย แต่วิชาภาษาไทยกับสังคมจะเตรียมท้าย ๆ หน่อย เพราะรู้สึกว่าภาษาไทยเนื้อหาไม่ค่อยเยอะมาก ส่วนสังคมหนูกลัวลืมก็เลยเตรียมท้าย ๆ
วางแพลนการเรียนไหม?
วางค่ะ แต่หนูไม่ได้วางลึกมาก บางคนเขาจะมีวางวันนี้ 08:00 – 10:00 โมงทำอะไร แต่หนูไม่ได้วางอย่างนั้น หนูวางใหญ่ ๆ เลย เรียนเนื้อหาให้จบก่อนสิ้นปีนะ แล้วค่อยทำโจทย์ ไม่งั้นจะรู้สึกกดดันตัวเองแล้วทำไม่ได้ ก็เลยทำแบบนี้ค่ะ
ช่วงเตรียมสอบรู้สึกกดดันไหมที่ต้องตั้งใจเรียนอย่างเดียว?
จริง ๆ ปีนี้หนูรู้สึกเป็นปีที่เหนื่อยมากเลยอะ หนูไม่เคยตั้งใจเรียนขนาดนี้มาก่อนเลยเหมือน ม.4 ม.5 เรียนชิล ๆ ทำกิจกรรมมากกว่า ขึ้น ม.6 มันต้องจริงจังแล้วเพราะมันมีเวลาแค่ปีเดียวที่จะสอบเข้าแล้วมันแลกกับชีวิตอีกกี่ 10 ปีก็ไม่รู้ หนูก็เลยตั้งใจมาก หนูรู้สึกว่าอยากสอบรอบเดียวให้มันติดเลยไม่อยากมาทำซ้ำ ๆ หนูรู้สึกมันเหนื่อย แล้วหนูก็ทำไม่ได้ด้วยค่ะ
เฉลี่ยแล้วเรียนวันละกี่ชั่วโมง?
ค่อนข้างเยอะนะคะ แต่ว่าเป็นช่วงมากกว่าถ้าเป็นแรก ๆ เลย ม.5 ขึ้น ม.6 เนื้อหาธรรมดาก็ 3 – 4 ชั่วโมงหรือ 5 ชั่วโมง ไม่ค่อยเยอะค่ะ แต่ว่าพวกกลาง ๆ เปิดเทอมแล้วจะเริ่มเรียน 6 – 7 ชั่วโมงขึ้นไป ท้าย ๆ หนูมีเรียน 10 ชั่วโมงขึ้นไปเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)
O-NET / GAT-PAT / 9 วิชาสามัญ ต้องเตรียมแยกกันไหม?
ถ้าเราเตรียมเนื้อหาไปแน่น ๆ มันก็คล้ายกันเลยนะคะ แต่ละวิชาก็ใช้ความรู้เดิมนี่แหละ แค่มันอาจจะมีลักษณะข้อสอบที่ต่างกัน อย่าง 9 วิชาฯอาจจะเน้นเรื่องของเวลาที่เราต้องทำให้เร็วขึ้น ตัดสินใจให้เร็วอะไรประมาณนี้มากกว่า แต่ความรู้จริง ๆ มันก็คือความรู้เดียวกันค่ะ
คิดว่าสนามไหนยากสุด?
หนูว่ามันยากคนละแบบ ถ้าสนามที่ง่ายที่สุดนะคะ รู้สึกว่า O-NET ง่ายสุด แต่ว่า GAT – PAT กับ 9 วิชาฯ PAT1 อย่างนี้จะยากด้วยความที่ข้อสอบปีนี้มันเปลี่ยนแนว เรื่องของสติในห้องสอบก็ค่อนข้างช็อคนิดหน่อย อย่าง 9 วิชาฯข้อสอบมันเหมือนเดิมก็จริง แต่ว่ามันจะอยากด้วยเวลามันกดดันค่ะ
O-NET ใช้กี่วิชา?
ใช้ 5 วิชาค่ะ เพราะเหมือนเขาจะเอาทุกวิชามารวมกัน แล้วคิดเป็นคะแนนรวมค่ะ
แล้ววิชาอื่น?
วิชาที่สอบหนูเตรียมเลข ภาษาอังกฤษ สังคม ภาษาไทยอย่างนี้ก็ไปใช้คละกันได้ แต่จะมี O-NET วิทย์ที่หนูไม่ได้เตรียมค่ะ ด้วยความที่หนูเรียนวิทย์มาแค่ปีเดียวแล้วหนูก็ไม่ได้เรียนสายวิทย์ต่อ หนูเรียนศิลป์ – คำนวณจะให้ไปทำเท่าเด็กสายวิทย์ก็อาจจะยากหน่อย หนูก็ไปอ่านมานิดหน่อยคะแนนพอออกมาก็ได้มากกว่าที่คิด เพราะตอนแรกหนูคิดว่าจะทำไม่ได้เลย หนูว่าข้อสอบหลัง ๆ จะเน้นคิดวิเคราะห์ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากมาย แต่ก็มีข้อที่เราวิเคราะห์เอาแล้วได้คะแนนดึงขึ้นมาด้วยค่ะ
ไทย – สังคม ควรเตรียมตัวยังไง?
ถ้าภาษาไทยนะคะ หนูรู้สึกว่าจะเก็บเร็ว หรือเก็บช้า น่าจะมีค่าเท่ากันเพราะว่าเนื้อหาไม่ได้เยอะค่ะ อย่างข้อสอบ 9 วิชาสามัญที่หนูสอบเนื้อหามันน้อยมากเลย จะเน้นให้เราอ่านแล้ววิเคราะห์มากกว่า ไม่ต้องมีเนื้อหาอะไร ส่วนสังคมหนูรู้สึกว่าเป็นวิชาที่ยิ่งอ่านเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำได้มากเท่านั้น มันค่อนข้างเนื้อหาเยอะมากจริง ๆ ค่ะ ถ้าสมมติเลือกอ่านหนังสือได้นะคะ อยากให้อ่านหลาย ๆ เล่มดีกว่า เพราะจะได้มีความรู้หลาย ๆ ด้าน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกอะไร
ภาษาอังกฤษควรเตรียมตัวยังไง?
หนูว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ต้องอ่านด้วย แล้วก็ทำโจทย์ด้วย ที่ต้องอ่านก็คืออ่านเรื่องของศัพท์อะไรแบบนี้ค่ะ ยิ่งเราท่องศัพท์เยอะ มันก็ทำให้เราทำข้อสอบง่ายขึ้น ตอนทำข้อสอบภาษาอังกฟษอยากให้ทำข้อสอบแบบจับเวลาไปด้วย อย่าง 9 วิชาสามัญเวลาก็ค่อนข้างเร็วถ้าเทียบกับการทำข้อสอบค่ะ
วันสอบคุมสติได้ไหม?
คุมได้ระดับหนึ่งค่ะ ที่ว่าเราพอทำให้ใกล้เคียงกับที่เราซ้อมมาได้ แต่อาจจะไม่ได้ 100% แบบที่ใจเย็นเหมือนตอนซ้อม ยิ่งทำข้อสอบเก่าไปเยอะก็คิดว่ามันจะช่วยดึงสติได้มากขึ้นค่ะ
ตั้งความหวังกับคะแนนไหม?
ตั้งค่ะ ตั้งความหวังไว้สูงมาก ทุกวิชาเลย รู้สึกว่าถ้าเราตั้งสูงไว้ก่อนพอเวลาเราไปทำจริง ๆ ถ้าได้ก็คือเราได้คะแนนเยอะ แต่ถ้าเราไม่ได้มันก็ยังเป็นคะแนนที่มากพอที่จะทำให้เราติดอยู่ดีค่ะ
มั่นใจวิชาไหนที่สุด?
เลขค่ะ (หัวเราะ) ตอนออกมาจากห้องสอบรู้สึกมันใจเลข แล้วก็มั่นใจ GAT (ขำ)
GAT เชื่อมโยงได้เท่าไหร่?
ได้เต็มค่ะ
GAT อังกฤษ เปลี่ยนแนวไหม?
GAT อังกฤษ แนวเดิมนะคะ ไม่ได้รู้สึกว่าเปลี่ยนอะไรมาก รู้สึกว่าเป็นสนามแรกและด้วยความที่เป็นสนามแรกมันจะทำให้ตื่นเต้นเป็นพิเศษ แล้วมันเป็นข้อสอบตัวแรกที่ทำ ตื่นเต้นแล้วก็ล่ก (ขำ) ในห้องสอบค่ะ แต่ว่าแนวข้อสอบก็ไม่ได้เปลี่ยนมากค่ะ
เรียนพิเศษตั้งแต่ตอนไหน?
แล้วแต่วิชาค่ะ ถ้าเลขก็เรียนตั้งแต่ ม.4 จะเรียนตามเทอมที่โรงเรียนค่ะ ก็เรียน ม.4 – ม.6 เรียนทุกปีเลย แต่ถ้าวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม จะเริ่มเรียนตอน ม.6 ค่ะ
เรียนพิเศษเลขกับใครบ้าง?
หนูเรียนแค่ 2 เลยก็คือพี่ต้อมกับพี่ตุ้ยค่ะ
เรียนพิเศษเลขกับพี่ต้อมเป็นยังไงบ้าง?
หนูรู้สึกว่าพี่ต้อมเป็นคนที่สอนสนุก เขาจะพูดจาเป็นกันเองเวลาเรียนหนูก็รู้สึกไม่เบื่อ ก็เรียน ม.4 – ม.6 เลย เหมือนเก็บเนื้อหาตามของโรงเรียนค่ะ รู้สึกพี่ต้อมเป็นคนที่สอนละเอียดมาก คือชั่วโมงคอร์สมันยาวมากเลยใช่ไหมคะ เขาก็จะสอนพื้นฐานแน่นมาก หนูได้เกรด 4 ที่โรงเรียนตลอดเลยเพราะพี่ต้อม
เรียนพิเศษเลขกับพี่ตุ้ยเป็นยังไงบ้าง?
เพิ่งมาเรียนกับพี่ตุ้ยตอนจะสอบเข้าค่ะ ก็คือตอน ม.5 ขึ้น ม.6 เรียนคอร์ส Entrance ไม่ได้เรียนเนื้อหาละเอียดแล้ว แต่จะเรียนเป็นสรุปมากกว่า พี่ตุ้ยสอนดีนะคะ สอนค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผล แบบทำไมถึงเป็นแบบนี้ ๆ เราก็ไม่ต้องจำเยอะมาก แล้วก็พี่ตุ้ยจะสอนค่อนข้างกระชับ เขาจะคัดโจทย์มาข้อที่มันเด่น ๆ มา ความจริงเลขหนูว่าเนื้อหามันเยอะมาก ๆ นะ มีเป็น 10 บทแต่พี่ตุ้ยเขาจะชอบสรุปให้เห็นคร่าว ๆ ทุกบทก่อน หน้าหรือ 2 หน้าอย่างนี้ มันทำให้เราสามารถจำเนื้อหาทั้งบทได้ค่ะ
ทำข้อสอบตะลุยโจทย์เองไหม?
ตอนในคอร์สของพี่ตุ้ย เขาจะมีหนังสือรวมข้อสอบเก่าทุกปีเลย ก็คือมีข้อสอบตั้งแต่สมัยEntrance A-NET แล้วก็ PAT แล้วก็มีแบบแยกบทกับแบบรวมหนูก็ทำจากเล่มนั้นน่ะค่ะ ไม่ได้ไปทำที่อื่นเลย
เรียนกับ AT HOME เป็นยังไงบ้าง?
หนูรู้สึกว่าเป็นแอปที่สะดวกมากเพราะหนูไม่ต้องเดินทางไปเรียน ซึ่งมันก็ใช่เวลานานหนูก็เรียนที่บ้านเลยค่ะ ประหยัดเวลาด้วย เรียนตอนไหนก็ได้ รู้สึกว่าแต่ละคนมีประสิทธิภาพในการเรียนไม่เหมือนกัน คือบางคนชอบเรียนเช้า ชอบเรียนกลางวัน แต่หนูชอบเรียนตอนดึก ๆ หนูรู้สึกว่าหนูตื่นค่ะ เรียนตอนเที่ยงคืนอะไรอย่างนี้เป็นประจำ ถ้าเรียนที่อื่นสถาบันมันก็ปิดอ่ะ
คะแนนออกลุ้นไหม?
ลุ้นกันทั้งบ้านเลย ก็ไปเปิดคะแนนดูในห้องพระ (ขำ)
เคล็ดลับเตรียมตัวก่อนสอบ 1 วัน
ก่อนวันสอบก็จะไม่ได้ไปดูเนื้อหาอะไรมากมายแต่จะดูเป็นคร่าว ๆ เหมือนสรุปว่ามีอะไรหลัก ๆ บ้าง ไม่ได้อ่านเยอะค่ะ ก็พักเอา
มีวิธีคลายเครียดช่วงสอบยังไง?
ถ้ามันเหนื่อยก็พัก ก็หยุดก่อนค่อยมาเรียนใหม่ก็ได้ คือเราก็อยากพักบ้าง อยากนอนบ้าง อยากดูทีวีอะไรอย่างนี้ ทริคอีกอย่างคือตื่นให้เช้าขึ้น ปกติเป็นคนตื่นสายแต่ถ้าเราตื่นเช้าขึ้น ปกติตื่นเที่ยงแต่ถ้าเราเปลี่ยนมาเป็น 8 โมงอย่างนี้ เรามีเวลาเพิ่ม 4 ชั่วโมงเลยนะ ในการที่เราเรียนเท่าเดิมแต่มีเวลาพักเพิ่มขึ้นด้วย ถึงปีนี้มันจะเหนื่อยแต่มันคุ้ม รู้สึกว่าเราพยายามแค่ 1 ปีแต่แลกกับอนาคตเราอีกกี่ปีก็ไม่รู้ 1 ปีเราทำให้เสร็จ เหนื่อยทีเดียวเลยดีกว่าต้องมาเหนื่อยซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบนะ รู้สึกว่าผลที่มันออกมาแล้ว มันดีใจมาก แล้วก็สบายใจจนหายเหนื่อยไปแล้วค่ะ อยากให้สู้ ๆ รู้ว่าปีนี้มันเหนื่อยแต่ว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ถ้าใครยังไม่เริ่มแล้วคิดว่ามันไม่ทันแล้วอะไรแบบนี้ เริ่มเถอะ เราเริ่มเร็วเท่าไหร่เราก็จะยิ่งไม่ต้องไปอัดตอนท้าย ยังไงก็ทัน ถ้ามีอะไรอยากถามเพิ่มเติมก็ทัก IG: primprma ได้ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างทุกคน บทความนี้เราก็ได้มาทำความรู้จักกับน้องพริมกันแล้วนะคะ อย่างที่น้องพริมพูดเลยค่ะ แม้ว่ามันจะเหนื่อยแต่ก็อดทนหน่อยนะ เริ่มอ่านหนังสือ เริ่มเตรียมตัวกันเถอะ! ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่เราก็จะเหนื่อยน้อยลง และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นอีกด้วย ใครที่คิดว่าขึ้น ม.6 แล้วไม่ทันแน่ ๆ อย่าเพิ่งท้อค่ะ ถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่ถ้าผลลัพธ์ที่ออกมามันตรงกับที่เราตั้งไว้ก็น่าลองเสี่ยงนะคะ พี่ ๆ AT HOME ขอส่งกำลังใจให้น้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวกับการสอบที่ใกล้เข้ามานะคะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ สู้ ๆ น้า